เสริมภูมิคุ้มกันพิชิตโรค: 5 วิตามิน และ แร่ธาตุที่จำเป็นในโรคระบาด

ในช่วงที่โควิดเริ่มมีการระบาดขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากการป้องกันตนเองด้วยการสวมใส่แมสก์และรักษาความสะอาด ด้วยการล้างมือบ่อยๆ หรือฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์แล้ว ยังควรเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย เพื่อให้พร้อมต่อสู้กับเชื้อร้ายที่เข้ามากร้ำกรายกันเถอะ! 
โดยวันนี้จะขอแนะนำ 5 วิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้ห่างไกลจากโควิด ได้แก่

Vitamin C

วิตามินซีหรือที่เรียกว่ากรดแอสคอร์บิกเป็นสารอาหารจำเป็นที่พบได้ในผลไม้และผักหลายชนิด รวมทั้งผลไม้รสเปรี้ยว มะเขือเทศ มันฝรั่ง พริกแดงและพริกเขียว กีวี บรอกโคลี สตรอว์เบอร์รี่ กะหล่ำดาว และแคนตาลูป มีบทบาทสำคัญในการเสริมภูมิคุ้มกัน ด้วยฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์และต้านไวรัส ปริมาณที่แนะนำต่อวันอยู่ระหว่าง 15 ถึง 115 มิลลิกรัมสำหรับทารกและเด็ก และอยู่ระหว่าง 75 ถึง 120 มิลลิกรัมสำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่สูบบุหรี่ ผู้ที่สูบบุหรี่ต้องการเพิ่มอีก 35 มิลลิกรัมต่อวัน
มีวิจัยบ่งชี้ว่าการรับประทานวิตามินซีในปริมาณที่เหมาะสม สามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อโควิดได้อย่างมีนัยสำคัญ ช่วยลดความเสี่ยงของ COVID-19 หรือความรุนแรงของอาการ แนะนำให้เสริมวิตามินซีสำหรับผู้ป่วยโรคหวัดธรรมดา ปอดบวม จากการติดเชื้อไวรัส รวมถึงโรคเริมงูสวัด 

Vitamin D

วิตามินดีมี 2 รูปแบบหลักคือ วิตามินดี 2 และดี 3 ซึ่งร่างกายได้รับจากอาหาร เช่น ปลามีไขมันสูง (แซลมอน, ทูน่า), น้ำมันตับปลา, ตับวัว, ชีส, ไข่แดง และอาหารเสริมวิตามิน นอกจากนี้ ร่างกายสามารถสร้างวิตามินดีได้จากแสงแดด โดยปริมาณที่แนะนำต่อวันสำหรับเด็ก เท่ากับ 10 ถึง 15 ไมโครกรัม และ ตั้งแต่ 15 ถึง 20 ไมโครกรัม สำหรับผู้ใหญ่

    วิตามินดีมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการจำลองไวรัส ยับยั้งการอักเสบ และส่งเสริมการทำงานของภูมิต้านทาน มีหลักฐานว่าการเสริมวิตามินดีอาจช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในผู้ที่มีระดับวิตามินดีในเลือดต่ำมาก กรณีของผู้ป่วย COVID-19 การเสริมวิตามินดีในปริมาณสูง 125 ไมโครกรัม ช่วยให้อาการไอและสูญเสียการรับรสหายเร็วกว่าผู้ที่ได้รับเพียง 25 ไมโครกรัม แต่ไม่พบความแตกต่างชัดเจนในอาการอื่น ๆ เช่น ไข้ หรืออ่อนเพลีย

Zinc

สังกะสีเป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีบทบาทในการทำงานของเอนไซม์ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ต้านไวรัส ต้านการ    อักเสบ     และช่วยรักษาความแข็งแรงของเยื่อบุผิวทางเดินหายใจ แหล่งอาหารที่อุดมด้วยสังกะสี ได้แก่ หอยนางรม ปู กุ้งมังกร เนื้อวัว หมู สัตว์ปีก ถั่วต่าง ๆ ธัญพืชไม่ขัดสี และผลิตภัณฑ์นม ปริมาณที่แนะนำต่อวันของทารกและเด็กเท่ากับ 2 ถึง 13 มก. และ 8 ถึง 12 มก. สำหรับผู้ใหญ่

การขาดสังกะสีจะกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ลดการสร้างและทำงานของเซลล์ลิมโฟไซต์ และลดการผลิตอินเตอร์ลิวคิน-2 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการอักเสบ การศึกษาพบว่า การได้รับสังกะสีอย่างเพียงพออาจช่วยลดความเสี่ยง    ในการติดเชื้อ COVID-19 ลดความรุนแรงของอาการบางอย่าง เช่น ท้องเสีย สูญเสียการรับรส/กลิ่น และยังอาจช่วยให้    หายจากอาการได้เร็วขึ้น

Vitamin A

วิตามินเอช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสและมีผลดีต่อปอดและระบบภูมิคุ้มกัน เป็นสารต้านการอักเสบและมีบทบาทสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคติดเชื้อ สามารถพบได้ในผักใบเขียว (คะน้าผักโขม บร็อคโคลี่) ผักสีส้มและสีเหลือง (แครอทมันเทศฟักทองและสควอชฤดูหนาว อื่นๆ สควอชฤดูร้อน) มะเขือเทศ, พริกหยวกแดง, แคนตาลูป, มะม่วง ตับวัว, น้ำมันปลา,น้ำนม และ ไข่ การขาดวิตามินเอทำให้เกิดอาการบาดเจ็บซึ่งขัดขวางการตอบสนองต่อการติดเชื้อ โดยปริมารที่แนะนำต่อวันสำหรับผู้ใหญ่ที่มีอายุตั้งแต่ 19 ปีขึ้นไป คือ 900 ไมโครกรัม สำหรับผู้ชาย และ 700 ไมโครกรัม สำหรับผู้หญิง 
จากงานวิจัย พบว่า การเสริมวิตามินเอแสดงให้เห็นถึงประสิทธิผลในการลดอาการทางคลินิกบางอย่างในผู้ป่วย COVID-19 ได้มากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับวิตามินเอ เช่น ไข้ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนแรงและอ่อนล้า 

Selenium

ซีลีเนียมเป็นแร่ธาตุจำเป็นที่พบในถั่วบราซิล อาหารทะเล เนื้อสัตว์ปีก ไข่ ผลิตภัณฑ์นม ขนมปัง และธัญพืช ปริมาณแนะนำต่อวันในผู้ใหญ่เท่ากับ 55–70 ไมโครกรัม ซีลีเนียมช่วยเสริมภูมิคุ้มกันทั้งโดยกำเนิดและโดยปรับตัว เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจลดความรุนแรงของภาวะหายใจลำบากเฉียบพลันและภาวะอวัยวะล้มเหลว
งานวิจัยในสหราชอาณาจักรพบว่า การเสริมซีลีเนียมวันละ 50–100 ไมโครกรัมช่วยเพิ่มการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนโปลิโอ ขณะที่แม้ยังไม่มีการทดลองทางคลินิกเกี่ยวกับ COVID-19 โดยตรง แต่การศึกษาจากเยอรมนีพบว่า ผู้ป่วย COVID-19 ที่รักษาในโรงพยาบาลมักมีระดับซีลีเนียมต่ำ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อภูมิคุ้มกัน และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคนี้

Reference

https://ods.od.nih.gov/factsheets/COVID19-HealthProfessional/#en230
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/32850261/
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/38654355/
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/32992282/
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/26214143/
https://www.emro.who.int/emhj-volume-28-2022/volume-28-issue-9/evaluation-and-comparison-of-vitamin-a-supplementation-with-standard-therapies-in-the-treatment-of-patients-with-covid-19.
https://nutritionsource.hsph.harvard.edu/vitamin-a/