PM 2.5 กลับมาอีกครั้ง ป้องกันผลเสียต่อสุขภาพ

---

ผู้เขียน : shopaga.kวันที่ : 03/12/2025หมวด : การดูแลสุขภาพ

     PM 2.5 คือฝุ่นขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งเล็กจนสามารถเล็ดลอดเข้าไปลึกถึงถุงลมปอด และบางส่วนสามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรง ทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง

ผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ

     PM 2.5 มีผลกระทบโดยตรง คือ การระคายเคืองจมูก คอ ทำให้มีอาการไอ จาม มีน้ำมูก หายใจไม่สะดวก กระตุ้นโรคภูมิแพ้และหอบหืดให้รุนแรงขึ้น ทำให้เกิดการอักเสบภายในระบบทางเดินหายใจและเพิ่มโอกาสการติดเชื้อของทางเดินหายใจ เช่น ไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ

ผลกระทบต่อหัวใจและหลอดเลือด

     PM 2.5 ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกายและหลอดเลือด เพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หัวใจวายเฉียบพลัน กระตุ้นการเกิดลิ่มเลือดและภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

ผลกระทบต่อสมองและระบบประสาท

     อนุภาคฝุ่นบางส่วนสามารถเข้าสู่กระแสเลือดและผ่านเข้าสมอง ซึ่งพบว่า เพิ่มความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม (Dementia)

ผลกระทบต่อผิวหนัง

     ทำให้เกิดผิวอักเสบ แห้ง เป็นผื่น คัน และเพิ่มริ้วรอยก่อนวัยจากอนุมูลอิสระ

 

วิธีป้องกันอันตรายจาก PM 2.5

1. สวมหน้ากากที่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ ได้แก่ หน้ากาก N95 / KN95 ช่วยกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ดีที่สุด ส่วนหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทั่วไปกรองได้ไม่ดีเท่า แต่หากจำเป็นอาจใส่ 2 ชั้น หรือใช้กระดาษทิชชูรองไว้ด้านใน

2. เลี่ยงการอยู่ภายนอกอาคาร หากจำเป็นต้องออกเดินทางควรตรวจสอบค่าฝุ่น ผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ โดยพิจารณาค่า AQI

ระดับ AQI >100 ควรจำกัดเวลานอกอาคาร

ระดับ AQI >150 ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งทั้งหมด

3. พักอาศัยในห้องหรือสถานที่ที่มีเครื่องฟอกอากาศที่สามารถกรองอนุภาค PM 2.5 ได้

4. ปิดประตู–หน้าต่างให้มิดชิด เพื่อลดปริมาณฝุ่นที่เข้าสู่อาคาร

 

สารอาหารที่ช่วยลดผลกระทบจาก PM 2.5

PM 2.5 ทำให้ร่างกายเกิดภาวะอักเสบและอนุมูลอิสระจำนวนมาก อาหารเสริมที่สามารถช่วยลดอันตรายจาก PM 2.5 ควรเน้นสารกลุ่มต้านอนุมูลอิสระ เช่น

1. วิตามินซี (Vitamin C) ลดอนุมูลอิสระที่เกิดจากฝุ่น เสริมภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบของทางเดินหายใจ

2. โอเมก้า-3 (Omega-3) ช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือด

3. เควอเซติน (Quercetin) ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยยับยั้งสารฮิสตามีนที่ทำให้เกิดอาการแพ้และการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ทำให้เซลล์ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น และยังช่วยต้านไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคทางเดินหายใจ เช่น โรคโควิด-19

4. เคอร์คูมิน (Curcumin) เป็นสารที่ได้จากขมิ้นชัน มีฤทธ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดการอักเสบของระบบทางเดินหายใจและหลอดเลือด

5. แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) เป็นสารสีแดงที่ได้จากสาหร่าย มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ ซึ่งมีการศึกษาพบว่าสามารถลดการอักเสบของระบบประสาทที่เกิดจาก PM 2.5 ได้ในสัตว์ทดลอง

---