วิธีดูแลสุขภาพช่วงน้ำท่วม

   น้ำท่วมเป็นสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อสุขภาพหลายด้าน ทั้งอุบัติเหตุ การขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มที่สะอาด โรคติดเชื้อ รวมถึงปัญหาความเครียดและสุขภาพจิต การเตรียมตัวรับมือจะช่วยป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพได้ ผลเสียต่อสุขภาพจากน้ำท่วม เช่น

1. ด้านอาหารและน้ำดื่ม

การติดอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมอาจทำให้ขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มที่สะอาด สิ่งสำคัญคือพยายามป้องกันภาวะขาดน้ำ ควรสำรองน้ำดื่มให้เพียงพอ รับประทานน้ำดื่มที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิท หากไม่มั่นใจในความสะอาด ควรต้มน้ำให้เดือดอย่างน้อย 1 นาทีก่อนนำมาใช้บริโภค สำหรับอาหารควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุก กรณีอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารกระป๋อง ควรตรวจสอบลักษณะของบรรจุภัณฑ์และวันหมดอายุก่อนรับประทาน หากบรรจุภัณฑ์บุบ มีรอยรั่ว หรือกระป๋องขึ้นสนิม ควรทิ้งทันที ในผู้ที่มีอาการอ่อนเพลียจากการขาดอาหารหรือขาดน้ำควรจิบสารละลายเกลือแร่เพื่อป้องกันการขาดน้ำ

2. การป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากน้ำท่วม

ไม่ว่าจะเป็นการจมน้ำ การถูกไฟฟ้าดูด อุบัติเหตุจากการถูกของมีคม หรือจากการสัญจรในพื้นที่น้ำท่วมที่อาจเป็นหลุมเป็นบ่อทำให้พลัดตกหกล้มได้ หากจำเป็นต้องเดินทางในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมควรมีอุปกรณ์ช่วยพยุง เช่น ไม้ยาว ๆ หรืออุปกรณ์ที่ลอยน้ำได้ กรณีต้องเดินลุยน้ำควรเดินอย่างช้า ๆ หรือใช้อุปกรณ์สำรวจเส้นทางเดินก่อน ห้ามจับสวิตช์ไฟ สายไฟ หรือปลั๊กที่เปียก งดใช้เครื่องปั่นไฟในพื้นที่ปิดเพราะเสี่ยงต่อการเกิดพิษจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์

3. ระวังโรคที่มากับน้ำท่วม ได้แก่

          3.1 โรคท้องร่วง–อาหารเป็นพิษ มักเกิดจากการกินอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อน สามารถป้องกันได้โดยการดื่มน้ำต้มสุกหรือน้ำบรรจุขวดที่ปิดมิดชิด รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ทำความสะอาดมือก่อนหยิบจับอาหาร

          3.2 โรคฉี่หนู (Leptospirosis) โรคฉี่หนูเกิดจากเชื้อการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยเชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผลเมื่อเดินลุยน้ำ ป้องกันได้โดยหลีกเลี่ยงการลุยน้ำ หากจำเป็นต้องแช่น้ำให้รีบอาบน้ำทำความสะอาดผิวหนังทันทีหลังสัมผัสน้ำ และเฝ้าระว้งอาการที่สงสัยว่าอาจติดเชื้อ เช่น มีไข้ ปวดน่อง ตาแดง หากมีอาการดังกล่าวควรไปพบแพทย์ทันที

          3.3 โรคผิวหนัง เช่น ผิวหนังเปื่อยจากการแช่น้ำนาน ๆ โรคน้ำกัดเท้า หรือโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา ควรเช็ดตัวให้แห้งทันทีหลังเปียกน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียก หากผิวหนังมีแผล หรือมีผื่น แดง คัน บวม เจ็บ ควรพบแพทย์

          3.4 การป้องกันโรคจากยุง เมื่อน้ำเริ่มลดจะเกิดแอ่งน้ำขังจำนวนมาก เสี่ยงต่อการเกิดโรคจากยุง เช่น โรคไข้เลือดออกโรคมาลาเรีย ควรทำลายแหล่งน้ำขัง คว่ำภาชนะที่อาจขังน้ำ ระวังไม่ให้ยุงกัดโดยพักอาศัยในมุ้ง และใช้ยาทากันยุง

     4. การดูแลสุขภาพจิต สถานการณ์ภัยพิบัติทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล และความเศร้าได้ ควรดูแลสุขภาพโดยการพูดคุยกับคนในครอบครัวหรือคนที่ไว้ใจ จำกัดการเสพข่าวที่มากเกินไป พักผ่อนให้เพียงพอ หากรู้สึกซึมเศร้า นอนไม่หลับ หรือวิตกกังวลต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์

     สำหรับยาที่ควรมีติดบ้านในช่วงน้ำท่วม ได้แก่ ยารักษาโรคประจำตัวโดยเตรียมให้พออย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ ยาแก้ปวดลดไข้ ยาทาแก้ผื่นคัน ยารักษาเชื้อราที่ผิวหนัง เกลือแร่สำหรับท้องเสียและป้องกันภาวะขาดน้ำ และอุปกรณ์ทำแผลพื้นฐาน