Call Center: (02)538-2229
สำนักงาน: (02)538-7900
Fax: (02)538-5508
E-mail: bangkokdrugstore@yahoo.com facebook
ฤดูฝนในประเทศไทยซึ่งมักจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกันยายนนั้น นอกจากจะนำมาซึ่งความชุ่มชื้นและความเย็นสบายแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ความชุ่มชื้นที่เพิ่มขึ้น และการสะสมของน้ำขัง ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เชื้อโรคต่างๆ สามารถเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น
ความชุ่มชื้นสัมพัทธ์ที่เพิ่มขึ้นในฤดูฝนส่งเสริมการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ผิวหนัง และระบบทางเดินอาหาร การที่อากาศมีความชื้นสูงยังทำให้ร่างกายมีความสามารถในการระบายความร้อนด้วยการระเหยเหงื่อลดลง ส่งผลให้เกิดความรู้สึกอึดอัดและเหนื่อยล้าได้ง่าย
การลดลงของอุณหภูมิอย่างกะทันหันทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง และมีส่วนทำให้อัตราการเกิดโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุที่มีระบบภูมิคุ้มกันที่ยังไม่สมบูรณ์หรืออ่อนแอลงตามธรรมชาติ
น้ำที่ขังค้างจากฝนตกหนักเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่เหมาะสมสำหรับยุงพาหะนำโรค โดยเฉพาะยุงลายซึ่งเป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก โรคชิคุนกุนยา และโรคไข้สมองอักเสบเจอี
โรคไข้เลือดออกเป็นหนึ่งในโรคที่มีความสำคัญมากที่สุดในฤดูฝน ในประเทศไทย ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกันยายนเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากกิจกรรมของยุงลาย (Aedes aegypti) เพิ่มขึ้น สถิติแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเฉลี่ย 91,650 รายต่อปี (141 ต่อประชากร 100,000 คน) และมีผู้เสียชีวิต 93 รายต่อปีในช่วงปี 2009-2015
อาการของโรคไข้เลือดออก ได้แก่:
ในระยะรุนแรงอาจมีอาการเลือดออก การรั่วซึมของพลาสมา และช็อก ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
ความชุ่มชื้นและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงทำให้เชื้อไวรัสและแบคทีเรียก่อโรคทางเดินหายใจแพร่กระจายได้ง่าย โรคที่พบบ่อย ได้แก่:
โรคนี้เกิดจากแบคทีเรียเลปโตสไปรา ซึ่งแพร่กระจายผ่านน้ำและดินที่ปนเปื้อนปัสสาวะของสัตว์ที่ติดเชื้อ โดยเฉพาะหนูและสุนัข การศึกษาพบว่าปริมาณฝนที่สะสมรายเดือนในระดับสูงมีความสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเลปโตสไปโรซิส
อาการ:
ความชุ่มชื้นสูงส่งเสริมการเจริญของเชื้อราและแบคทีเรียบนผิวหนัง โรคที่พบบ่อย ได้แก่:
การปนเปื้อนของน้ำและอาหารจากเชื้อโรคเพิ่มขึ้นในช่วงฝนตก ทำให้เกิด:
เด็กและผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อในฤดูฝนเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ การศึกษาเกี่ยวกับไข้เลือดออกพบว่าเด็กและผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาวเป็นประชากรที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยอัตราการเสียชีวิตสูงสุดพบในผู้ใหญ่วัย 15-24 ปี ที่เป็นโรคไข้เลือดออกแบบช็อก
ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง โรคเบาหวาน และโรคที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและมีอาการรุนแรงมากขึ้น
การรักษาส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการ โดยเฉพาะโรคไข้เลือดออกที่ยังไม่มียารักษาจำเพาะ โดยส่วนใหญ่จะรักษาตามอาการ และ การดูแลอาการแทรกซ้อนเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับโรคติดเชื้อแบคทีเรีย การใช้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์เป็นสิ่งจำเป็น
ฤดูฝนในประเทศไทยนำมาซึ่งความเสี่ยงด้านสุขภาพหลายประการ ตั้งแต่โรคที่มียุงเป็นพาหะ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ไปจนถึงโรคติดเชื้อทางเดินอาหาร การเตรียมความพร้อม การป้องกัน และการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง การมีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยลดความเสี่ยงและผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หน่วยงานด้านสาธารณสุขควรเสริมสร้างความรู้ให้แก่ประชาชน เพิ่มการเฝ้าระวังโรค และพัฒนาระบบการแจ้งเตือนภัยสุขภาพในช่วงฤดูฝนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรับมือกับปัญหาสุขภาพในฤดูนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทความโดย : ภก.จีรานุวัฒน์ ฤกษ์นิยม
เอกสารอ้างอิง
Sirisena PDNN, Noordeen F. Evolution of dengue in Sri Lanka-changes in the virus, vector, and climate. Int J Infect Dis. 2014;19:6-12.
บริษัท กรุงเทพดรักสโตร์ จำกัด
2585/2 ถนนลาดพร้าว(ใกล้ปากซอยลาดพร้าว 87)แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310
โทร: (02)538-7900 แฟกซ์: (02)538-5508
E-mail: bangkokdrugstore@yahoo.com
[คลิกที่ภาพเพื่อดูแผนที่ขนาดใหญ่]