Call Center: (02)538-2229
 สำนักงาน: (02)538-7900
 Fax: (02)538-5508
 E-mail: bangkokdrugstore@yahoo.com

น้ำตาลโตนด: ความหวานจากธรรมชาติ


ผู้เขียน : Kanokporn.Paวันที่ : 07/08/2025หมวด : การดูแลสุขภาพ

 

 

ในช่วงที่ผ่านมา เทรนด์ “การกินเพื่อสุขภาพ” และ “การกลับมาให้คุณค่ากับวัตถุดิบท้องถิ่น” ทำให้น้ำตาลโตนดกลายเป็นส่วนผสมที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในวงการอาหารไทยแบบดั้งเดิมและอาหารฟิวชันร่วมสมัย โดยเฉพาะในเมนูของร้านกาแฟและคาเฟ่ที่ต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับเมนูเครื่องดื่มหรือขนมด้วยวัตถุดิบชนิดนี้

น้ำตาลโตนดคืออะไร?

น้ำตาลโตนด (Palm Sugar) คือน้ำตาลธรรมชาติที่ได้จาก “น้ำหวานของงวงดอกตาลโตนด” ซึ่งเป็นไม้พื้นถิ่นในภาคใต้และภาคตะวันตกของประเทศไทย เช่น เพชรบุรี สมุทรสงคราม และประจวบคีรีขันธ์ ผ่านการเคี่ยวอย่างพิถีพิถันด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิมจนตกผลึกเป็นก้อนสีน้ำตาลทอง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสหวานนุ่ม ไม่แหลม และให้กลิ่นหอมคาราเมลอ่อนๆ

 

คุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ของน้ำตาลโตนด

แม้น้ำตาลทุกชนิดควรถูกบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ แต่หากเปรียบเทียบในแง่คุณค่าทางโภชนาการ น้ำตาลโตนดมีจุดเด่นบางประการที่น่าสนใจ ดังนี้:

1. มีดัชนีน้ำตาล (GI) ต่ำกว่าน้ำตาลทราย

น้ำตาลโตนดมีค่า Glycemic Index (GI) ต่ำกว่าน้ำตาลทรายขัดขาว ซึ่งหมายถึงการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดจะช้ากว่า ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่มากขึ้น

(เหมาะกับผู้ต้องการควบคุมระดับน้ำตาล แต่ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ป่วยเบาหวาน)

2. มีแร่ธาตุธรรมชาติ

ในน้ำตาลโตนดมีแร่ธาตุธรรมชาติจำนวนหนึ่ง เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม เหล็ก และแมกนีเซียม แม้จะมีปริมาณไม่มากนัก แต่ก็เป็นส่วนเสริมที่ไม่มีในน้ำตาลขัดขาว

3. กลิ่นหอมและรสหวานนุ่มนวล

กลิ่นหอมเฉพาะตัวของน้ำตาลโตนดช่วยเพิ่มความหอมละมุนให้กับอาหารและขนมไทยหลายชนิด เช่น ขนมชั้น ขนมถ้วย ทับทิมกรอบ หรือน้ำสมุนไพรต่างๆ โดยไม่ต้องพึ่งกลิ่นสังเคราะห์

4. ใช้ปรุงอาหารได้หลากหลาย

น้ำตาลโตนดสามารถนำไปใช้ในอาหารทั้งคาวและหวาน เช่น ผัดไทย น้ำพริกแกง น้ำจิ้ม หรือแกงเผ็ด ช่วยตัดรสได้ดี และให้ความกลมกล่อมโดยไม่หวานแหลม

 

ข้อควรระวังในการบริโภคน้ำตาลโตนด

แม้น้ำตาลโตนดจะเป็นทางเลือกที่ดีขึ้น แต่ก็ยังคงเป็น “น้ำตาล” ที่ควรถูกจำกัดการบริโภคในแต่ละวันเช่นเดียวกันกับน้ำตาลชนิดอื่นๆ โดยมีข้อควรพิจารณาดังนี้:

1. ปริมาณน้ำตาลรวมในแต่ละวัน

องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา (ประมาณ 25 กรัม) ต่อวัน สำหรับผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี การบริโภคน้ำตาลโตนดมากเกินไปก็อาจนำไปสู่ปัญหาเช่นเดียวกับน้ำตาลทั่วไป เช่น โรคอ้วน ฟันผุ และไขมันในเลือดสูง

2. ผู้ที่เป็นเบาหวาน

แม้ว่าจะมีค่า GI ต่ำกว่า แต่น้ำตาลโตนดก็ยังคงเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้ จึงไม่ควรใช้แทนน้ำตาลอย่างเสรี ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกำหนดอาหารก่อนใช้เป็นประจำ

3. ระวังของปลอม

ในตลาดมี “น้ำตาลโตนดปลอม” หรือ “น้ำตาลผสม” ที่ผลิตจากน้ำตาลทรายขาวผสมสีและกลิ่นเลียนแบบ ซึ่งไม่มีคุณค่าทางโภชนาการตามธรรมชาติ และอาจมีสารเจือปน ควรอ่านฉลากหรือสอบถามแหล่งที่มาอย่างละเอียดก่อนซื้อ

 

น้ำตาลโตนดเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของความหวานจากธรรมชาติ ที่ไม่เพียงแต่ให้รสชาติละมุน กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ แต่ยังให้ประโยชน์ด้านโภชนาการที่มากกว่าน้ำตาลทรายขาว แต่อย่างไรก็ตาม การบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้สุขภาพดีอย่างยั่งยืน

 

บทความโดย ภก.ธนโชติ กลีบสุวรรณ

 


บริษัท กรุงเทพดรักสโตร์ จำกัด
2585/2 ถนนลาดพร้าว(ใกล้ปากซอยลาดพร้าว 87)แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310
โทร: (02)538-7900 แฟกซ์: (02)538-5508
E-mail: bangkokdrugstore@yahoo.com

[คลิกที่ภาพเพื่อดูแผนที่ขนาดใหญ่]